
ศาลยุติธรรม
วันที่ 1 พ.ค. 67 นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา นายอดิศักดิ์ ตันติวงศ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา นางมัณทรี อุชชิน ประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา นายวิวัฒน์ วงศกิตติรักษ์ เลขาธิการประธานศาลฎีกา และคณะผู้บริหารศาลยุติธรรม เดินทางไปตรวจเยี่ยมศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายสถาพร วิสาพรหม อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 และคณะ เข้าร่วมการตรวจเยี่ยมด้วย
เวลา 08.30 น. ประธานศาลฎีกาและคณะ ตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้พิพากษา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ
ในการประชุมร่วมกัน ประธานศาลฎีกา ได้มอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา จากนั้นประธานศาลฎีกากล่าวว่า มีโครงการแก้ไขปัญหาคดีค้างนาน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับศาลในการดึงคดีค้างนานมาทำในวันหยุดเพื่อให้คดีหมดไป และขอขอบคุณศาลนี้ที่รับนโยบายอย่างเต็มที่ แม้จะมีภาระงานที่หนักแต่ก็มีความตั้งใจในการทำงานจนทำให้ได้รับรางวัลศาลดีเด่นที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และรางวัลในโครงการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ที่พึ่งแรกของประชาชน จึงขอชื่นชมผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน และแสดงความห่วงใยสุขภาพของทุกท่าน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ต่อมา เวลา 10.15 นาฬิกา ประธานศาลฎีกาและคณะฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 โดยมีนายสถาพร วิสาพรหม อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 คณะผู้บริหารสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 และข้าราชการเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ
หลังจากนั้น ประธานศาลฎีกาและคณะฯ เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 โดยมีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลในสังกัดศาลยุติธรรมภาค 5 เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพด้วย ในการนี้ ประธานศาลฎีกามอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา
ในการประชุมร่วมกัน ประธานศาลฎีกากล่าวถึงที่มาของวิสัยทัศน์และนโยบายประธานศาลฎีกาในปีงบประมาณนี้ โดยเน้นย้ำว่าศาลยุติธรรมต้องทำงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมขององค์กรศาลยุติธรรมที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้แม้บุคลากรในศาลยุติธรรมไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน แต่ก็ยังคงความเชื่อมั่นศรัทธาให้ประชาชนได้จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ประธานศาลฎีกาได้กล่าวถึงนโยบายประธานศาลฎีกาที่สำคัญ เช่น การไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องที่พึ่งแรกของประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่นำมาช่วยในการบริหารจัดการคดีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดทำบัญชีทนายความขอแรงและที่ปรึกษากฎหมายโดยคำนึงถึงความเชี่ยวชาญในแต่ละประเภทคดีและประสบการณ์ของทนายความเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นหลักประกันสิทธิให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยให้เข้าถึงความยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม นอกจากนั้นประธานศาลฎีกาได้กล่าวถึง นโยบายที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของศาลยุติธรรม คือ บุคลากรศาลยุติธรรม โดยเห็นว่า ศาลยุติธรรมจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุคลากรต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีความสุขในการทำงาน จึงได้มีการประสานความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ให้บุคลากรศาลยุติธรรมเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น ภารกิจหลักไม่ใช่เพียงการพิจารณาพิพากษาคดีให้เสร็จสิ้นด้วยความพอใจของคู่ความทุกฝ่าย แต่ยังมีภารกิจในการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดให้กลับสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ผ่านโครงการต่างๆที่ศาลเยาวชนและครอบครัวได้ดำเนินการ แต่พบว่าในปัจจุบันการดำเนินการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนในศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น ยังมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน ดังนี้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว ประธานศาลฎีกาจึงได้ออกคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว พ.ศ.2567 ที่จะมีการประชุมทำความเข้าใจในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. และพร้อมให้กำลังใจ ช่วยเหลือสนับสนุนในทุกเรื่อง